วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2561

พระปรางค์สามยอด

พระปรางค์สามยอด ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี  เป็นโบราณสถานและแหล่งท่องเที่ยวทาง ประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี ปราสาทศิลาแลงแบบเขมรเรียงต่อกัน 3 องค์ เชื่อมต่อกันด้วย มุขกระสัน ภายในบริเวณนอกจากปราสาททั้ง 3 องค์นี้แล้ว ทางด้านทิศตะวันออกของปราสาทประธานมีการต่อเติม วิหารก่ออิฐถือ ปูนเชื่อมต่อกับปราสาทประธานเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ครองราชย์ พ.ศ. 2199 -2231)


พระปรางค์สามยอด

ประวัติพระปรางค์สามยอด
ลักษณะเป็นปราสาทเขมรในศิลปะบายน (พ.ศ. 1720 – 1773) โครงสร้างเป็นศิลาแลงประดับปูนปั้น สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าชัย วรมันที่ 7 (ครองราชย์ พ.ศ. 1724 – ประมาณ 1757) เพื่อเป็นพุทธสถานในลัทธิวัชรยานประจำเมืองละโว้หรือลพบุรี ซึ่งในขณะนั้น เป็นเมืองลูกหลวงของอาณาจักรกัมพูชา แต่เดิมภายในปราสาทประธานประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรกทรงเครื่อง ปราสาททิศใต้ ประดิษฐานรูปพระโลเกศวร (พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร) สี่กร และปราสาททิศเหนือประดิษฐานรูปพระนางปรัชญาปารมิตาสองกร กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในราชกิจจานุเบ
ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
เป็นปราสาทขอม 3 องค์ เชื่อมต่อกันด้วยมุขกระสัน (อันตรละ) โดยวางตัวในแนวเหนือ-ใต้ หันหน้าสู่ทิศตะวันออก ปราสาทประธาน มีความสูงใหญ่กว่าอีก 2 องค์ โครงสร้างของปราสาททำจากศิลาแลงฉาบปูน มีการประดับประดาตามส่วนต่างๆ ของปราสาทด้วย ปูนปั้น อันเป็นลักษณะของงานสถาปัตยกรรมในยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (ครองราชย์ พ.ศ. 1724 – ประมาณ 1757) ที่นิยมใช้ ศิลาแลงเป็นวัสดุในการก่อสร้าง เช่น ปรางค์พรหมทัตที่ปราสาทพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งประดิษฐานพระรูป ของพระเจ้าชัย วรมันที่ 7 ปราสาทวัดกำแพงแลง จังหวัดเพชรบุรี ที่สร้างเป็นปราสาทศิลาแลง 3 องค์เรียงกันในลักษณะเดียวกับ พระปรางค์สามยอด และปรางค์องค์กลางของวัดพระพายหลวง จังหวัดสุโขทัย เป็นต้น
ลวดลายประดับ
ส่วนยอดหรือศิขระ สร้างด้วยหินทรายเป็นรูปบัวคว่ำบัวหงายซ้อนกัน 3 ชั้น ถัดลงมาเป็นการยกเก็จสามเก็จตรงด้านและมุมประดับ ด้วยกลีบขนุนทำจากศิลาแลง และบางส่วนทำจากปูนปั้นเป็นรูปบุคคลยืนอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว ส่วนที่ยกเก็จชั้นที่ 4 เดิมทั้ง 4 ทิศ จะมีการปั้นเทพประจำทิศอยู่ในกลีบขนุนและตอนล่าง ได้แก่ พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณประจำทิศตะวันออก พระวรุณทรงหงส์ ประจำทิศตะวันตก ท้าวกุเวรทรงมกร ทิศเหนือ และ พระยมทรงกระบือ ทิศใต้ ปัจจุบันเหลือเพียงบางส่วน สันหลังคาของมุขกระสัน ประดับด้วยบราลีศิลาแลงปั้นเป็นพระพุทธรูปประทับสมาธิราบ ปางสมาธิ ในซุ้มเรือนแก้ว ปัจจุบันเสียหายทั้งหมด
บัวรัดเกล้าเรือนธาตุ
มีการประดับลวดลายปูนปั้นประกอบไปด้วย แถวบนสุดเป็นลายดอกไม้กลม ถัดลงมาปั้นปูนเป็นรูปกลีบบัวหงาย แถวถัดลงมาเป็น ลายดอกซีกดอกซ้อน รูปหงส์ ลายกลีบบัวหงาย ลายก้านขด และดอกบัวตูม เรียงเป็นแถว ลวดลายละ 1 แถวรวมเป็น 3 แถว จบด้วยลายกรวยเชิงเป็นรูปเกียรติมุข (หน้ากาล) คายเฟื่องอุบะ
ตอนกลางของเรือนธาตุ
มีลายปูนปั้นประดับเป็นลายก้านขดที่แถวบนสุด ถัดลงมาเป็นบัวฟันยักษ์คว่ำ หน้ากระดานเป็นลายกระจังประกอบกัน เป็นลาย กากบาทแทรกด้วยลายประจำยามลายเล็กและลายดอกซีกดอกซ้อน ถัดลงมาเป็นลายกลีบบัวหงาย ลายกระหนกวงโค้ง ลายดอกบัว ตอนล่างสุดเป็นลายกรวยเชิงตามลำดับ
บัวเชิงเรือนธาตุ
ด้านบนสุดเป็นรูปใบหน้าของชาวจามที่เป็นศัตรูกับชาวเขมรที่ถูกประดิษฐ์เป็นใบหน้าของยักษ์ประกอบกับลายกรวยเชิง อันเป็นที่ นิยมมากในศิลปะแบบบายนของกัมพูชา ถัดลงมาเป็นลายดอกบัว สันลูกแก้วอกไก่เป็นลายรักร้อย และบัวฟันยักษ์คว่ำ ลายก้านขด และดอกซีกดอกซ้อน ลายละหนึ่งแถวตามลำดับ ในส่วนของลวดลายหน้าบันและทับหลังนั้นปัจจุบันไม่ปรากฏร่องรอยหลักฐาน เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการปั้นปูนประดับลงบนศิลาแลง เมื่อเวลาผ่านไปรูอากาศของศิลาแลงจะมีการขยายตัวทำให้ลวยลาย ปูนที่ ปั้นประดับอยู่นั้นกะเทาะออกมารวมถึงลิงที่มาอาศัยก็มีส่วน ทำให้เกิดความเสียหายนอกจากนี้ในสมัยอยุธยาตรงกับรัชสมัยสมเด็จ พระนารายณ์ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์และดัดแปลงพระปรางค ์สามยอดเพื่อใช้เป็นพุทธศาสนสถานอีกครั้ง ดังจะเห็นได้จากการ ซ่อมแซมส่วนที่เป็นเพดาน โดยยังคงเห็นร่อยรอยของการปิดทองเป็นรูปดาวเพดาน และการสร้างฐานภายในพระปรางค์สามยอด หลายฐาน ลักษณะคล้ายกับฐานชุกชีด้วยอิฐ อันเป็นวัสดุที่แตกต่างไปจากส่วนอื่นๆ ของพระปรางค์สามยอดซึ่งส่วนใหญ่เป็น ศิลาแลง
พระปรางค์สามยอด
เปิดให้เข้าชม ระหว่างเวลา 06.00-18.00 น. เว้นวันจันทร์-อังคาร อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท หรือสามารถซื้อบัตรรวม ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างประเทศ 150 บาท โดยบัตรนี้สามารถเข้าชม วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พระที่นั่งไกรสรสีหราช พระปรางค์สามยอด และบ้านหลวงวิชาเยนทร์

การเดินทางไปพระปรางค์สามยอด
ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี บนเนินดินด้านตะวันตกของทางรถไฟ ใกล้กับศาลพระกาฬ

พระปรางค์สามยอด
พระปรางค์สามยอด
พระปรางค์สามยอด
พระปรางค์สามยอด

ภายในพื้นที่ของพระปรางค์สามยอดเต็มไปด้วย จ๋อน้อยเจ้าถิ่น นั่งเล่นบ้าง วิ่งไปมาบ้าง ต้องบอกเลยว่าเยอะมาก นั่งเล่นอยู่ทุกซอกทุกมุม เดินชมก็ต้องระมัดระวังกันซักนิดเพราะบางทีเจ้าจ๋ออาจวิ่งขึ้นมาเกาะที่ตัวเราก็เป็นได้ ลิงลพบุรี ต้องเรียกว่าชึ้นชื่อเช่น มีลิงเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจังหวัดเราคงเคยได้ยินมีประเพณีโต๊ะจีนลิงจัดซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุก

พระปรางค์สามยอด
พระปรางค์สามยอด

  ที่มา https://www.paiduaykan.com

วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2561

10.ภูภิรมย์ จ.เชียงราย

46958020_1980737612007519_557
เริ่มต้นที่แรกกับภูภิรมย์ ร้านอาหารประจำสิงห์ปาร์ค ที่ได้ชื่อว่ามีบรรยากาศดีมากๆ โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ ตัวร้านตั้งอยู่บนเนินเขาสามารถมองเห็นวิวไร่ชาและขุนเขาได้แบบ 360 องศา ในยามพระอาทิตย์ตกจะมีแสงทไวไลท์ที่ลอดผ่านระหว่างขุนเขาให้ได้ชมระหว่างทานอาหารด้วย

9.ขอบฟ้า ลาตะวัน จ.สมุทรปราการ

25611119_181119_0023
ขอบฟ้า ลาตะวัน ชื่อนี้หลายๆ คนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก เรียกได้ว่าเป็นร้านลับในย่านบางปูเลยทีเดียว บรรยากาศริมทะเลที่คุณสามารถนั่งทานอาหารไปพร้อมกับชมนกนางนวลบินผ่านไปพร้อมกันได้ด้วย ยิ่งในยามพระอาทิตย์ตก ที่นี่ยิ่งมีบรรยากาศโรแมนติกเพิ่มขึ้นไปอีก ใครอยากจะสัมผัสกับธรรมชาติใกล้กรุงฯ ลองไปกันดูครับ

8.ร้านกาแฟผาฮี้ จ.เชียงราย

46651908_1973846106030003_259
พบกับร้านอาหารริมทะเลกันแล้วขึ้นเขาไปชมกับร้านกาแฟและร้านอาหารวิวภูเขากันบ้างดีกว่ากับร้านกาแฟผาฮี้ ที่มีวิวสุดอลังการให้เราได้ชม นั่งห้อยขาจิบกาแฟแบบชิลๆ ชมบรรยากาศของหมู่บ้านอาข่าที่ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยภูเขา มีเมนูขึ้นชื่อของชาวเผ่าอาข่าให้ได้ลองทาน และมีทีเด็ดอยู่ที่ชา และกาแฟ ที่ปลูกขายกันบนดอย ได้นั่งดื่มร้อนๆ ท่ามกลางบรรยากาศหนาวๆ ฟินสุดๆ 

7.กระเพรา & Coffee จ.ลพบุรี

ahr0chm6ly9zlmlzyw5vb2suy29tl
อีกหนึ่งร้านอาหารวิวสวยท่ามกลางธรรมชาติ กระเพรา & Coffee ที่นี่มีทุ่งดอกคอสมอสท่ามกลางวิวภูเขาเป็นจุดขาย มาร้านนี้รับประกันได้เลยว่าคุณจะได้รูปภาพสวยๆ กลับไปเป็นความทรงจำอย่างแน่นอน 

6.มานาเด้อ จ.อุบลราชธานี

37781370_10209679477062675_83
คาเฟ่กลางทุ่งนาแห่งภาคอีสาน ใครว่าภาคอีสานจะแห้งแล้ง ลองมาดูที่ร้านนี้คุณจะได้พบกับความชุ่มชื่นที่มองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ความสบายใจ ทุ่งนาเขียวขจีโอบล้อมคาเฟ่แห่งนี้เอาไว้ เป็นบรรยากาศที่แสนจะมีความสุขและเพิ่มสุนทรียภาพในการทานกาแฟจริงๆ

5.มีนา คาเฟ่ จ.กาญจนบุรี

28468405_221196325108521_9194
อีกหนึ่งร้านกาแฟกลางทุ่งนาในตำนานกับมีนา คาเฟ่ ที่นี่ถือเป็นเจ้าแรกๆ ต้นตำรับเลยก็ว่าได้สำหรับการทำคาเฟ่กลางทุ่งนา และในปีนี้ทางร้านก็ยังคงมีการตกแต่งและพัฒนาพื้นที่โดยรอบให้มีความสวยงามมีมุมถ่ายรูปมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญฉากหลังอย่างวัดถ้ำเสือก็ยังเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวมาถ่ายรูปที่นี่กันเป็นจำนวนมากเช่นเคย

4.Montreux Cafe & Farm จ.นครนายก

25611101_181101_0013
ขับรถจากกรุงเทพฯ เพียงไม่ไกล คุณก็จะได้ลองไปสัมผัสกับคาเฟ่แนวฟาร์มสเตย์ที่ผสมผสานระหว่างการทำสวน ทำไร่ ทำนา แบบออร์แกนิค และการตกแต่งตัวร้านสไตล์ลอฟต์ได้อย่างลงตัว เป็นแหล่งพักผ่อนใกล้กรุงเทพฯ ที่สามารถนั่งชิลกันได้ตลอดทั้งวัน รอบร้านร่มรื่น เดินเล่นได้สบายๆ ใครกำลังหาคาเฟ่วิวสวยๆ บรรยากาศดีๆ บอกเลยร้านนี้ห้ามพลาด

3.บ้านไม้ ปรายเมฆ จ.เชียงราย

34455670_2124425544548012_270
ขึ้นเหนือไปที่จังหวัดเชียงรายกันบ้างกับร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสมบูรณ์และสวยงามของธรรมชาติ "บ้านไม้ ปรายเมฆ" ที่นี่เป็นทั้งคาเฟ่และลานกางเต็นท์ ด้วยโลเคชั่นสุดสวย และมุมถ่ายรูปที่ถูกใจใครหลายๆ คนจึงทำให้บ้านไม้ ปรายเมฆได้เข้ามาอยู่ในอันดับ 3 โดยไม่ยาก

2.คีรีมันตรา จ.กาญจนบุรี

784215
ขับรถจากกรุงเทพฯ เพียงแค่ 3 ชั่วโมง คุณก็จะได้เสพบรรยากาศสุดโรแมนติกริมภูเขาที่มีบ่อน้ำเล็กๆ อยู่ด้านหน้า เปรียบเสมือนภาพวาดที่เราเคยได้เห็นเลยก็ว่าได้ บริเวณโดยรอบร้านยังมีการจัดตกแต่งสวนเอาไว้อย่างสวยงาม อาหารอร่อยราคาถูกแบบไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับบรรยากาศของร้าน โดยรวมแล้วนี่คือร้านอาหารวิวสวยที่คุณไม่ควรพลาด!

1.The Glass House Pattaya จ.ชลบุรี

26219409_1582870985127519_369
มาถึงอันดับหนึ่งของเราในปีนี้สำหรับร้านอาหารที่มีวิวสวยที่สุดในปี 2018 ซึ่งนั่นก็คือร้าน The Glass House Pattaya ร้านอาหารสุดโรแมนติกริมทะเล ชนิดที่ว่านั่งเอาเท้าสัมผัสพื้นทรายได้เลยทีเดียว แนะนำว่าให้ไปร้านนี้ในช่วง พระอาทิตย์ตกจะเป็นช่วงเวลาไฮไลท์ที่สร้างความประทับใจให้แแก่เราทุกคนได้เสมอมา ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีทอง ลมเย็นๆ พัดมาจากทะเล อาหารซีฟู้ดสดๆ และเครื่องดื่มเย็นๆ สักแก้ว วันธรรมดาของคุณก็จะเปลี่ยนกลายเป็นวันพิเศษได้ทันที

วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เเหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดลพบุรี

  ลพบุรี จังหวัดที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของภาคกลาง อีกทั้งการเที่ยวลพบุรี ยังใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไม่นานเพียงแค่ 150 กิโลเมตรกว่า ๆ เท่านั้น ด้วยการเดินทางไปมาที่สะดวก ทำให้ลพบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เหมาะสำหรับการไปเที่ยวพักผ่อนในช่วงเวลาสั้น ๆ หรือใครที่อยากไปเช้า-เย็นกลับก็สามารถทำได้ แถมยังมีที่เที่ยวต่าง ๆ ที่ทำให้เราได้รับความเพลิดเพลินและเพิ่มพูนความภาคภูมิใจในความเป็นไทยอีกด้วย ว่าแต่ลพบุรีมีอะไรที่น่าเที่ยวบ้างนั้น ตามเรามาดูกันได้เลย
1. ศาลพระกาฬ

          สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี เป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี ภายในประดิษฐานเจ้าพ่อพระกาฬ สันนิษฐานว่าเป็นเทวรูปพระนารายณ์ยืน สร้างด้วยศิลาแลง 2 องค์ องค์เล็กเป็นแบบเทวรูปเก่าในประเทศไทย องค์ใหญ่เป็นประติมากรรมแบบลพบุรี แต่พระเศียรเดิมหายไป ภายหลังมีผู้นำพระเศียรพระพุทธรูปศิลาทรายสมัยอยุธยามาสวมต่อไว้ บริเวณโดยรอบศาลพระกาฬปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงลิงมากมาย จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของทางจังหวัด และเมื่อมีคนนำอาหารและผลไม้มาแก้บนที่ศาล ลิงเหล่านั้นก็ได้เข้ามากินอาหาร ต่อมากลายเป็นความเคยชินของลิง และความคุ้นเคยของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวไปโดยปริยาย

2. พระปรางค์สามยอด

ที่เที่ยวลพบุรี

          เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี โดดเด่นด้วยลักษณะทางสถาปัตยกรรมปราสาทเขมรในศิลปะบายน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีลักษณะเป็นปราสาทปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์ เชื่อมต่อกันด้วยมุขกระสัน วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ สังเกตได้ว่าปราสาทประธานจะมีความสูงมากกว่าอีก 2 องค์ 

ที่เที่ยวลพบุรี

           ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทั้งยังมีการประดับประดาส่วนต่าง ๆ ของปราสาทด้วยปูนปั้น หลังจากที่เสร็จสิ้นการไหว้ศาลพระกาฬแล้ว ว่ากันว่า "พระปรางค์สามยอด" เป็นโบราณสถานที่ทุกคนจำเป็นต้องเดินทางมาแวะเที่ยวและเคารพสักการะกันทุกคน

3. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ

ที่เที่ยวลพบุรี

          ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟลพบุรี ในเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ถือได้ว่าเป็นวัดใหญ่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด โดดเด่นด้วยพระปรางค์องค์ใหญ่ตั้งเด่นเป็นประธานอยู่ตรงกึ่งกลางของพื้นที่ ก่อด้วยศิลาแลงตั้งแต่ฐานถึงหน้าบัน ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นที่งดงาม ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเขมร ภายในองค์ปรางค์มีจิตรกรรมฝาผนังเขียนด้วยสีฝุ่นรูปพระพุทธเจ้าและพระสาวกเจดีย์รายและพระปรางค์ 

          นอกจากนี้ภายในวัดท่านสามารถชมวิหารเก้าห้อง ซึ่งมีลักษณะเป็นวิหารที่มีผนังยาวโดยมีช่วงเสากั้นอยู่รวมเก้าช่วงเสา เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งได้รับอิทธิพลจากชาวต่างประเทศ มีความสวยงามและควรค่าต่อการรักษาเป็นมรดกคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดลพบุรีตราบนานเท่านาน

4. พระนารายณ์ราชนิเวศน์

ที่เที่ยวลพบุรี

          ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง ชาวเมืองลพบุรีเรียกที่นี่กันจนติดปากว่า "วังนารายณ์" เป็นพระราชวังที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2208-2209 ออกแบบโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส ความสวยงามของที่นี่อยู่ที่ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมตะวันตก โดยความสำคัญของพระราชวังแห่งนี้อยู่ที่สมเด็จพระนารายณ์จะทรงโปรดประทับช่วงตลอดฤดูฝน แต่ภายหลังการเสด็จสวรรคตพระนารายณ์ราชนิเวศน์ได้ถูกทิ้งร้าง จนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดให้บูรณะพระราชวังของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สร้างพระที่นั่งขึ้นใหม่ และพระราชทานนามว่า "พระนารายณ์ราชนิเวศน์" มาจนถึงปัจจุบัน

5. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์

ที่เที่ยวลพบุรี

          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งที่ 3 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ภายใน พระนารายณ์ราชนิเวศน์ เขตตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปวัตถุโบราณ และนิทรรศการตามอาคารต่าง ๆ จำนวนทั้งสิ้น 4 อาคาร ได้แก่ "พระที่นั่งพิมานมงกุฎ" แสดงหลักฐานวัตถุโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและแหล่งโบราณจังหวัดลพบุรี "พระที่นั่งจันทรพิศาล" แสดงพระราชประวัติของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และโบราณวัตถุ "หมู่ตึกพระประเทียบ" (อาคารชีวิตไทยภาคกลาง) จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ของชาวนา "พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่" จัดแสดงหนังใหญ่เรื่องรามเกียรติ์ นับเป็นแหล่งโบราณสถานที่น่าแก่การศึกษาและค้นคว้าทางประวัติศาสตร์แก่เยาวชนและผู้ที่มีความสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

6. ทุ่งทานตะวัน

ที่เที่ยวลพบุรี

ที่เที่ยวลพบุรี
          ลพบุรีเป็นจังหวัดที่มีการปลูกทานตะวันมากที่สุดในประเทศไทย โดยช่วงที่ดอกทานตะวันเริ่มแย้มกลีบบานอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคมของทุกปี นอกจากทุ่งทานตะวันเหล่านี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับจังหวัดแล้ว ทานตะวันยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดที่สามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันปรุงอาหาร หรืออบแห้งเพื่อรับประทาน และอีกสารพัดประโยชน์ของทานตะวันอีกมากมาย เราจึงเห็นแหล่งปลูกทานตะวันกระจายอยู่ทั่วไปทั้งจังหวัด ตั้งแต่ในเขตอำเภอพัฒนานิคม อำเภอชัยบาดาล บริเวณเขาจีนแล ตำบลโคกตูม โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมความสวยงามของทุ่งทานตะวันไปตามเส้นทางเหล่านี้ และแวะถ่ายรูปเพื่อสัมผัสความงดงามได้ตามใจชอบ

7. สวนรุกขชาติน้ำตกวังก้านเหลือง

ที่เที่ยวลพบุรี

          ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าดินดำ ภายในมีน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ไม่มาก แต่มีความสวยงามไม่แพ้น้ำตกที่อื่น ความพิเศษของน้ำตกอยู่ที่ต้นธารน้ำตก เพราะปกติมักจะอยู่บนภูเขาสูง แต่ที่นี่กลับปรากฏว่าต้นน้ำของน้ำตกแห่งนี้เป็นเพียงตาน้ำขนาดใหญ่ที่ผุดขึ้นจากใต้ดิน และไหลคดเคี้ยวมาตามทางลาด และรวมตัวกันที่อ่างเก็บน้ำ จนไหลเอ่อจากต้นน้ำตกลงมาปะทะกับหินผา เกิดเป็นน้ำตกกว้างที่ลดหลั่นดูสวยงามเป็นทางยาวกว่า 3 กิโลเมตร มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ นอกเหนือไปจากความงดงามของน้ำตกแล้ว ที่นี่ยังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยที่ขึ้นปกคลุมมากมาย มีหินงอก หินย้อย เกิดขึ้นหลายแห่ง นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี

8. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

ที่เที่ยวลพบุรี
ภาพจาก BaLL LunLa / shutterstock.com

          ตั้งอยู่บ้านหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม เป็นเขื่อนดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย นอกจากคุณประโยชน์ในการกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรแล้ว เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดลพบุรี เพราะมีจุดชมวิวริมอ่างเก็บน้ำ พิพิธภัณฑ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และสันเขื่อน ล้วนแล้วแต่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดที่รถไฟจอดอยู่เหนือเขื่อน ในลักษณะทางรถไฟที่คดโค้งให้ความรู้สึกเหมือนรถไฟลอยอยู่เหนือน้ำ เราจึงเห็นนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อยหยิบกล้องถ่ายรูปเพื่อบันทึกภาพความสวยงามเหล่านั้นเอาไว้ ตลอดจนร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก รถนำชมวิวทิวทัศน์ บ้านพักรับรอง ลานกางเต็นท์ เอาไว้รองรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

9. บ้านหลวงรับราชทูต 

เที่ยวลพบุรี
          บ้านหลวงรับราชทูต หรือบ้านหลวงวิชาเยนทร์ ตั้งอยู่ที่ถนนวิชาเยนทร์ ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง มีลักษณะเป็นกลุ่มบ้านที่ก่อสร้างขึ้นด้วยอิฐ มีสถาปัตยกรรมแบบยุโรป มีกำแพงล้อมโดยรอบ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือด้านทิศตะวันตก เป็นตึก 2 ชั้นหลังใหญ่ 1 หลัง และอาคารชั้นเดียวแคบยาว มีซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม, พื้นที่ตรงกลาง มีฐานสิ่งก่อสร้าง สันนิษฐานว่าเป็นหอระฆัง และมีโบสถ์คริสตศาสนา พร้อมกับซุ้มประตูทางเข้ารูปจั่ว และด้านทิศตะวันตก มีกลุ่มอาคารใหญ่ 2 ชั้น ซึ่งมีบันไดทางขึ้นเป็นรูปครึ่งวงกลม ซุ้มประตูก็เป็นโค้งครึ่งวงกลมด้วยเช่นกัน 

          ในอดีตที่นี่เป็นสถานที่รับรองเอกอัครราชทูตจากฝรั่งเศสของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยในช่วงปลายรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ได้เคยพำนักอยู่ที่นี่ จึงเรียกกันว่าบ้านเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ปัจจุบันที่นี่หลงเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังเห็นโครงสร้างต่าง ๆ อย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. 


10. สวนสัตว์ลพบุรี

ที่เที่ยวลพบุรี

          ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง เป็นสวนสัตว์ที่อนุรักษ์โครงสร้างแบบดั้งเดิมตั้งแต่อดีตไว้เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้ของชาวจังหวัดลพบุรีและใกล้เคียง ดังจะเห็นได้จากเสาไฟฟ้าสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม และท่อส่งน้ำสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เมืองลพบุรี ภายในสวนสัตว์มีอาณาบริเวณกว้างขวางและร่มรื่น น่าจะเป็นที่ถูกใจเหล่าบรรดาคุณน้องหนูที่อยากรับชมและสำรวจชีวิตสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ เช่น กวาง ลิง เสือโคร่ง เสือดาว กระต่าย เต่า ช้าง จิงโจ้ เป็นต้น รวมถึงทางสวนสัตว์ยังได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก ทั้งเวทีการแสดงความสามารถของลิงอุรังอุตัง (ซึ่งเป็นดาวเด่นแห่งสวนสัตว์ลพบุรี) การสาธิตการจับงู การขี่ม้า การให้นมแพะ เหล่านี้เป็นสีสันที่ช่วยเสริมสร้างความรู้ ความสนุก และความบันเทิงให้กับนักท่องเที่ยว โดยเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.30 น. ราคาบัตรผู้ใหญ่ 30 บาท เด็กโต 20 บาท เด็กเล็ก 10 บาท (สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 036 413 551)
          
          ใครที่กำลังเตรียมตัวเที่ยวลพบุรีครั้งหน้า ลองไปเที่ยวตามสถานที่ที่เราแนะนำให้เพื่อน ๆ คราวนี้ดูก็ได้นะคะ หรือใครที่เคยไปลพบุรีมาแล้วและไม่อยากไปแต่ที่เดิม ๆ แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ก็ลองดูที่เที่ยวลพบุรีที่เราได้บอกไว้ดูก็ได้ไม่ว่ากัน เผื่อว่าการเที่ยวลพบุรีครั้งหน้าของเพื่อน ๆ จะได้มีสีสันและความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ยังไงก็อย่าลืมแวะไปให้ได้นะคะ